ดราม่าล่าสุดในเกมใหญ่ระดับบิ๊กแมตช์อย่าง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ vs ลิเวอร์พูล ถูกจุดขึ้นอีกครั้ง เมื่อคณะกรรมการ Key Match Incidents (KMI) ของพรีเมียร์ลีก ออกมาฟันธงว่าประตูของ เวอร์จิล ฟานไดค์ ที่ถูกปฏิเสธในสนามนั้น…
“ตามหลักแล้วควรเป็นประตู”
เฮดเดอร์อันทรงพลังของฟานไดค์น่าจะทำให้สกอร์เป็น 1-1 แต่ถูกธงยกเพราะผู้ช่วยผู้ตัดสินมองว่า แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน ยืนล้ำหน้าและบังการมองเห็นของผู้รักษาประตู จานลุยจิ ดอนนารุมม่า
แต่เรื่องพลิกคือ… KMI กลับไม่เห็นด้วยกับการตีความนั้น
“ถูกแต่ไม่ถูก” — ทำไม VAR ยังไม่เข้าไปเปลี่ยนคำตัดสิน?
แม้คณะกรรมการจะมองว่าเป็นประตู แต่พวกเขากลับสนับสนุนว่า VAR ไม่ควรแทรกแซง
เหตุผลคือ กฎ VAR ระบุชัดว่า
VAR จะเปลี่ยนคำตัดสินได้ เฉพาะเมื่อเห็นว่าผลลัพธ์บนสนาม “ชัดเจนและผิดแบบไม่มีเงื่อนไข”
ในจังหวะนี้ แม้ KMI จะคิดว่าผู้ตัดสินตีความ “เกินจริง” ในเรื่องการบังมุมมองของดอนนารุมม่า แต่ก็ ไม่ใช่ข้อผิดพลาดระดับร้ายแรงจนต้องกลับคำตัดสิน
เรียกว่าเป็นหนึ่งในจังหวะเทา ๆ ที่มักเกิดในพรีเมียร์ลีก และมักทำให้แฟนบอลตั้งคำถามแทบทุกสัปดาห์
ลิเวอร์พูลไม่พอใจ สลอตฟาดแรง “ผิดจัง ๆ แบบนี้ได้ยังไง?”
อาร์เน่ สลอต กุนซือลิเวอร์พูล แสดงความไม่พอใจเต็มระดับ
เขามองว่าดอนนารุมม่ามองเห็นจังหวะบอล “ตลอดทาง” และโรเบิร์ตสัน “ไม่ได้รบกวนผู้รักษาประตูเลยสักนิด”
แรงถึงขั้นที่ลิเวอร์พูลติดต่อไปยัง ฮาวเวิร์ด เว็บบ์ หัวหน้า PGMOL เพื่อขอคำอธิบายโดยตรง
เว็บบ์ตอบว่า…
แม้ดอนนารุมม่าจะมองเห็นบอล แต่การที่โรเบิร์ตสันยืนใกล้และก้มหัวหลบ อาจถูกมองว่าเป็น “การรบกวนความสามารถในการพุ่งไปปัดบอล” ได้
จึงเป็นเหตุผลที่ผู้ตัดสินในสนาม “ ไม่ได้ทำผิดแบบชัดเจนจน VAR ต้องแก้ ”
เสียง VAR ถูกปล่อยออกมาชัด ๆ — เบื้องหลังการสื่อสารแบบนาทีต่อนาที
เสียงบันทึก VAR ที่ถูกเปิดเผยทำให้แฟนบอลได้รู้ว่า ผู้ช่วยผู้ตัดสินรายงานว่า:
“โรเบิร์ตสันอยู่ตรงหน้าประตู ใกล้มาก และขยับตัวหลบบอล ผมคิดว่าเขาบังทิศทางมองเห็นของดอนนารุมม่า”
กรรมการ คาวานาห์ ก็ตอบกลับทันทีว่า
“โอเค งั้นล้ำหน้า”
และ VAR ไมเคิล โอลิเวอร์ ก็ยืนยันว่า
“ตรวจสอบแล้ว ล้ำหน้า ถูกต้องตามที่ตัดสินในสนาม”
ทั้งหมดนี้สะท้อนว่า ระบบถูกใช้ตามขั้นตอน 100% ไม่มีข้อผิดพลาดทางกระบวนการ แม้ผลลัพธ์สุดท้ายจะขัดใจแฟนบอลส่วนใหญ่ก็ตาม
ประตูนี้คือสัญลักษณ์ของช่องว่างการตีความ
ถ้าถามในฐานะคอลัมนิสต์ลูกหนัง…
นี่คืออีกหนึ่งตัวอย่างว่า พรีเมียร์ลีกกำลังเผชิญ “ปัญหาการตีความล้ำหน้าแบบใหม่” ที่ห่างจากมุมมองของแฟนบอลออกไปเรื่อย ๆ
ผู้ตัดสินใช้ “กรอบกฎหมาย”
แฟนบอลใช้ “สายตาฟุตบอลจริง”
และสองสิ่งนี้บางครั้งก็ไม่ตรงกันเลย
จังหวะฟานไดค์คือเคสที่ PERFECT ที่สุดในการอธิบายความแตกต่างนี้
มุมมองจากนักเดิมพัน & คอบอล
สำหรับแฟนที่ติดตามผ่าน เว็บแทงบอล UFA88S ก็จะเห็นว่าจังหวะนี้ไม่ใช่แค่ดราม่าในสนาม แต่ยังกระทบราคาต่อรองแบบเรียลไทม์ เพราะลูกตีเสมอที่หายไปอาจทำให้หน้าเกมพลิกทั้งบิล
และในกลุ่มนักวิเคราะห์ของ UFA88S เองก็มีเสียงดังไม่น้อยว่าควรทบทวนกฎเรื่องการบังทัศนวิสัยให้ชัดกว่านี้ เพื่อไม่ให้เกิดเคสเทา ๆ ที่ตีความได้หลายแบบแบบนี้อีก
สรุปเรื่องนี้ยังไม่จบง่าย ๆ
ประตูของฟานไดค์คือภาพสะท้อนของการตีความกฎที่ซับซ้อนขึ้นเรื่อย ๆ ในยุค VAR
KMI บอกว่าควรได้ประตู
ผู้ตัดสินบอกว่าล้ำหน้า
VAR บอกว่าตัดสินตามขั้นตอนถูกแล้ว
และสุดท้ายแฟนบอล…ก็ยังคาใจเหมือนเดิม
พรีเมียร์ลีกยุคนี้ ไม่ได้วัดกันแค่ในสนาม แต่บางครั้งต้องวัดกันใน “ห้อง VAR” ด้วยเช่นกัน
