ศึกกฎหมายระดับ 700 ล้านยูโร! เอ็มบัปเป้ vs PSG ดราม่าครั้งใหญ่ที่สุดในวงการฟุตบอลยุโรป

เรื่องนี้เกินกว่า “สัญญาฟุตบอล” ธรรมดา เพราะมันกำลังจะกลายเป็นหนึ่งใน คดีความที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์วงการกีฬา เมื่อ คิลิยัน เอ็มบัปเป้ ซูเปอร์สตาร์ทีมชาติฝรั่งเศส และอดีตกองหน้าคนสำคัญของ PSG ปัจจุบันสังกัดเรอัล มาดริด ตัดสินใจ ยื่นฟ้อง PSG เป็นเงินกว่า 260 ล้านยูโร (ประมาณ 10,000 ล้านบาท)

เหตุผลไม่ใช่แค่เรื่อง “ค่าเหนื่อยค้างจ่าย” แต่เป็นการโต้แย้งว่า PSG ประพฤติไม่ชอบ พร้อมทั้งละเมิดสิทธิ์ตามกฎหมายแรงงาน โดยเฉพาะช่วงที่เขาถูกแช่แข็ง ไม่ได้ซ้อมกับทีม และถูกส่งไปฝึกกับกลุ่มสำรอง เพื่อกดดันให้ต่อสัญญา

ฝั่งเอ็มบัปเป้ยืนยันผ่านทีมกฎหมายว่า

“เขาไม่ได้ขออะไรเกินกว่ากฎหมายกำหนด เขาเพียงต้องการความยุติธรรม ในฐานะลูกจ้างคนหนึ่งเท่านั้น”


PSG ไม่ยอม! ฟ้องกลับ 440 ล้านยูโร — และกล่าวหาว่าเอ็มบัปเป้ “ไร้ความซื่อสัตย์”

เมื่อเอ็มบัปเป้เดินเกมฝั่งนั้น ฝั่ง PSG ก็ไม่รอช้า จัดหนักยื่นฟ้องกลับด้วยตัวเลขที่ใหญ่กว่าเดิมถึง 440 ล้านยูโร (ประมาณ 17,000 ล้านบาท)

โดย PSG ระบุว่า

“เอ็มบัปเป้รู้อยู่แล้วว่าจะไม่ต่อสัญญา แต่ปกปิดข้อมูลกับสโมสรเกือบ 11 เดือน เพื่อให้หมดสิทธิ์ขายในตลาด และย้ายฟรีเพื่อผลประโยชน์ของตัวเอง”

PSG ยังกล่าวหาว่ามี ข้อตกลงปากเปล่า เมื่อเดือนสิงหาคม 2023 ว่า หากเอ็มบัปเป้ย้ายฟรี เขาจะ สละโบนัสและเงินก้อนบางส่วนเพื่อรักษาสถานะทางการเงินของสโมสร แต่ภายหลังกลับไม่ยอมทำตาม


ประเด็นใหญ่ของคดีนี้: “นักฟุตบอลเป็นลูกจ้าง หรือเป็นทรัพย์สินของสโมสร?”

นี่ไม่ใช่แค่คดีของเอ็มบัปเป้กับ PSG แต่กำลังจะกลายเป็น บรรทัดฐานใหม่ของฟุตบอลยุโรป

ทีมกฎหมายของเอ็มบัปเป้โต้ว่า

  • สัญญาควรถูกจัดประเภทเป็น สัญญาจ้างงานถาวร (Permanent Employment)

  • เขาควรได้รับสิทธิ์การเลิกจ้างอย่างเป็นธรรม

  • ควรได้รับค่าเสียหาย ค่าชดเชย โบนัส และค่าแรงย้อนหลัง

ในขณะที่ PSG ยืนยันว่า

  • นักฟุตบอลคือ “ทรัพย์สินทางธุรกิจ”

  • สัญญานักเตะไม่เหมือนสัญญาลูกจ้างทั่วไป

  • หากนักเตะเลือกไม่ต่อสัญญา สโมสรมีสิทธิ์ปกป้องผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจของทีม


ช่วงเวลามืดมนของเอ็มบัปเป้ — ถูกแยกซ้อม, ไม่ได้บินทัวร์, ถูกกดดันให้ต่อสัญญา

เอ็มบัปเป้บอกว่าเขาถูกกีดกันจากทีมชุดใหญ่ หลังบอกชัดว่า จะไม่ต่อสัญญา
เขาถูกห้ามลงซ้อมกับทีมหลัก ถูกแยกไปซ้อมกับนักเตะสำรอง และไม่ได้ร่วมทัวร์พรีซีซั่น ซึ่งในฝรั่งเศสเรียกพฤติกรรมนี้ว่า Lofting

ทีมของเขายืนยันว่า นั่นคือ การกดดันทางจิตใจ (Moral Harassment) ผิดกฎหมายแรงงานชัดเจน

แต่ PSG ตอบกลับว่า

“เขายังได้ลงเล่นถึง 94% ของการแข่งขันในฤดูกาลนั้น”

แล้วถามกลับว่า

“ถ้าโดนกดดันจริง ทำไมยังเป็นตัวจริงเกือบทุกนัด?”

คดีนี้ไม่ได้ตัดสินแค่เรื่องเงิน แต่มันกำลังจะกำหนดมาตรฐานใหม่ว่า:

“นักฟุตบอลมีสถานะเป็นลูกจ้างตามกฎหมายแรงงานเต็มรูปแบบหรือไม่?”

คาดว่าศาลแรงงานกรุงปารีสจะให้คำวินิจฉัยเบื้องต้นในวันที่ 16 ธันวาคมนี้
แต่เชื่อว่าคดีนี้จะยืดเยื้อ และอาจลากยาวไปถึงศาลอุทธรณ์ หรือแม้แต่ศาลยุโรป


มุมมองจากสายเดิมพัน & เศรษฐกิจฟุตบอล

ตามข้อมูลจาก เว็บแทงบอล UFA88S ระบุว่า กรณีนี้อาจส่งผลต่อ “มูลค่า สัญญา และค่าตัวนักเตะ” ในอนาคต เพราะหากศาลตัดสินให้นักเตะมีสิทธิ์แรงงานเต็มรูปแบบ สโมสรต่าง ๆ ทั่วยุโรป อาจต้องปรับระบบสัญญานักเตะใหม่ทั้งหมด และมูลค่าการซื้อขายอาจลดลงอย่างฮวบฮาบ

ในขณะเดียวกัน เว็บไซต์ด้านข่าวฟุตบอลอย่าง UFA88S รายงานว่า หากคดีนี้จบด้วยชัยชนะของเอ็มบัปเป้ นักเตะรุ่นใหม่อาจมีอำนาจต่อรองเหนือสไตล์นักเตะยุคก่อนอย่างสิ้นเชิง


✍️ บทสรุป

สิ่งที่น่าสนใจคือ คดีนี้ไม่ใช่เรื่อง “คนหนึ่งทะเลาะกับสโมสร”
แต่คือการตั้งคำถามว่า…ฟุตบอลคือธุรกิจ? หรือคือความสัมพันธ์ระหว่างลูกจ้างกับนายจ้าง?

และบางที… อนาคตของฟุตบอลอาจไม่ได้เปลี่ยนเพราะ VAR หรือเทคโนโลยี
แต่อาจเปลี่ยนเพราะ “คดีของเอ็มบัปเป้” นี่แหละ